องค์การศุลกากรโลก
-
หน้าหลัก
- องค์การศุลกากรโลก
รู้จักองค์การศุลกากรโลก
องค์การศุลกากรโลก (World Customs Organization: WCO) ก่อตั้งเมื่อ 26 มกราคม พ.ศ. 2496 เริ่มต้นใช้ชื่อว่า คณะมนตรีความร่วมมือทางศุลกากร (Customs Cooperation Council: CCC) โดยถือได้ว่า เป็นการรวมกลุ่มรัฐบาลระหว่างประเทศ มีหน้าที่ในการเสริมสร้างและสนับสนุนการดำเนินงานและการบริหารงานของศุลกากรประเทศสมาชิกต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ
องค์การศุลกากรโลกมีสำนักงานเลขาธิการตั้งอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ปัจจุบันมีประเทศที่เข้าเป็นสมาชิกรวม 185 ประเทศ โดยประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การศุลกากรโลกเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515
เลขาธิการองค์การศุลกากรโลกคนปัจจุบัน คือ Mr. Ian Saunders
องค์การศุลกากรโลกมีหน้าที่สำคัญในการพัฒนาและบริหารเครื่องมือเพื่อปรับปรุงพิธีการและระบบงานศุลกากรสำหรับเคลื่อนย้ายสินค้าและคนระหว่างประเทศให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกัน อาทิ อนุสัญญาการจำแนกประเภทและกำหนดรหัสสินค้าตามระบบฮาร์โมไนซ์ (Harmonized Commodity Description and Coding System) อนุสัญญาเกียวโตฉบับปรับปรุง (Revised Kyoto Convention: RKC) อนุสัญญาอิสตันบูล (Istanbul Convention) เป็นต้น นอกจากนี้ ยังต้องทำหน้าที่ในการพัฒนามาตรฐานระหว่างประเทศเพื่อให้การเคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างประเทศมีความปลอดภัย ช่วยเหลือประเทศสมาชิกปรับปรุงระบบงานศุลกากรให้ทันสมัย ส่งเสริมให้มีความร่วมมือระหว่างศุลกากรประเทศต่างๆ และระหว่างศุลกากรกับภาคเอกชน และจัดให้มีการฝึกอบรมสำหรับภาคเอกชน ตั้งแต่องค์การศุลกากรโลกก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2493 ในชื่อ คณะมนตรีความร่วมมือทางศุลกากร (Customs Cooperation Council: CCC) นั้น ได้มีการจัดทำเครื่องมือต่างๆ มาให้ประเทศสมาชิกนำมาถือปฏิบัติเพื่อปรับปรุงระบบงานศุลกากรให้ทันสมัยและเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งโลกจำนวนมากมาย ในการนี้ องค์การศุลกากรโลกได้จำแนกเครื่องมือสำหรับช่วยพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไว้ ดังนี้
ลำดับที่
|
เครื่องมือขององค์การศุลกากรโลก
|
|
CORE PRINCIPLE
|
1
|
International
Convention on the Simplification and Harmonization of Customs Procedures
(Kyoto Convention) as amended (Revised Kyoto Convention (RKC)
|
2
|
Guidelines to the RKC
|
|
PRIME TEXT
|
3
|
Convention on Temporary Admission (Istanbul Convention)
|
4
|
Customs Convention
on Containers, 1972
|
5
|
Customs Convention on the ATA Carnet for the Temporary Admission of
Goods (ATA Convention)
|
6
|
International
Convention on Mutual Administrative Assistance for the Prevention,
Investigation and Repression of Customs Offences (Nairobi Convention)
|
7
|
SUPPORTING TOOLS AND INSTRUMENTS
|
(1) กลุ่มที่ 1 คือ เครื่องมือหลัก (Core Principle) ประกอบด้วย อนุสัญญาเกียวโตฉบับปรับปรุง (Revised Kyoto Convention: RKC) และแนวปฏิบัติของอนุสัญญาเกียวโตฉบับปรับปรุง (Guidelines to RKC) อนุสัญญาเกียวโตฉบับปรับปรุง มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า International Convention on the Simplification and Harmonization of Customs Procedures หรือ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการพิธีการศุลกากรให้ง่ายและสอดคล้องกัน มีวัตถุประสงค์เพื่อ
ปรับปรุงพิธีการและวิธีปฏิบัติทางศุลกากรของประเทศต่างๆ ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการค้าและการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศให้ง่าย สอดคล้องกัน และทันสมัยอย่างต่อเนื่อง
ตอบสนองต่อความต้องการของการค้าระหว่างประเทศและศุลกากรในการอำนวยความสะดวกทางการค้าที่ต้องการลดอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษีศุลกากร
ให้มีมาตรฐานที่เหมาะสมในการควบคุมทางศุลกากรและมีการนำเทคนิคที่ทันสมัยมาใช้ในการควบคุมและอำนวยความสะดวกทางการค้า อาทิ การบริหารความเสี่ยงและการควบคุมโดยการตรวจสอบและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ให้ศุลกากรสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในด้านวิธีการและเทคนิคของการบริหารงานและของธุรกิจ
ลดค่าใช้จ่ายของภาคเอกชน
อนุสัญญาเกียวโตฉบับปรับปรุงประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่
ส่วนแรก ตัวบทอนุสัญญา (Body of the Convention) เป็นบทบัญญัติขั้นพื้นฐานที่สะท้อนให้เห็นวัตถุประสงค์และหลักการของอนุสัญญา ประกอบไปด้วย บทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆ ดังนี้
อารัมภบท
ขอบเขตและโครงสร้าง
การบริหารจัดการ
กฎเกณฑ์ในการเข้าเป็นภาคี
กฎเกณฑ์ในการแก้ไขปรับปรุง
ส่วนที่สอง คือ ภาคผนวกทั่วไป (General Annex) เป็นบทบัญญัติที่สะท้อนให้เห็นถึงหน้าที่หลักของศุลกากรตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานและมาตรฐานช่วงปรับเปลี่ยนซึ่งมีฐานะทางกฎหมายเท่ากัน การนำมาตรฐานและมาตรฐานช่วงปรับเปลี่ยนไปใช้ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการปรับพิธีการศุลกากรและวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวข้องให้ง่ายและสอดคล้องกัน ความแตกต่างระหว่างมาตรฐานและมาตรฐานช่วงปรับเปลี่ยน คือ มาตรฐานช่วงปรับเปลี่ยนจะมีระยะเวลาในการนำไปปฏิบัติที่ยาวกว่า โดยมาตรฐานจะต้องนำไปปฏิบัติภายใน 36 เดือน ขณะที่มาตรฐานช่วงปรับเปลี่ยนจะต้องนำไปปฏิบัติภายใน 60 เดือน ระยะเวลาในช่วงปรับเปลี่ยนได้กำหนดไว้เพื่ออำนวยความสะดวกต่อประเทศภาคีคู่สัญญาในการยอมรับหรือการภาคยานุวัติเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฉบับนี้ และเพื่อให้เวลาในการปรับเปลี่ยนพิธีการและวิธีปฏิบัติของตนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาฉบับนี้ ภาคผนวกทั่วไปจะประกอบไปด้วยบทบัญญัติทั้งสิ้น 10 ตอน ดังนี้
บทที่ 1 หลักการทั่วไป (General Principles)
บทที่ 2 คำจำกัดความ (Definitions)
บทที่ 3 การตรวจปล่อยและพิธีศุลกากรอื่น (Clearance and Other Customs Formalities)
บทที่ 4 ค่าภาษีอากร (Duties and Taxes)
บทที่ 5 การวางหลักประกัน (Security)
บทที่ 6 การควบคุมทางศุลกากร (Customs Control)
บทที่ 7 การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ (Application of Information Technology)
บทที่ 8 ความสัมพันธ์ระหว่างศุลกากรและบุคคลที่สาม (Relationship between the Customs and Third Parties)
บทที่ 9 ข้อมูล ข้อตัดสินใจ และคำวินิจฉัยที่จัดทำโดยศุลกากร (Information, Decisions and Rulings Supplied by the Customs)
บทที่ 10 การอุทธรณ์เรื่องศุลกากร (Appeals in Customs Matters)
ส่วนที่สาม คือ ภาคผนวกเฉพาะ (Specific Annexes) เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับพิธีการศุลกากรเฉพาะด้าน ดังนั้น ในแต่ละภาคผนวกเฉพาะและบทในภาคผนวกจะเกี่ยวข้องกับวิธีปฏิบัติและพิธีการศุลกากรเฉพาะเรื่อง ประกอบไปด้วยบทบัญญัติทั้งสิ้น 10 ภาคผนวก ดังนี้
ภาคผนวก เอ ว่าด้วยสินค้ามาถึงอาณาเขตศุลกากร (Annex A: Arrival of Goods in a Customs Territory)
ภาคผนวก บี ว่าด้วยการนำเข้า (Annex B: Importation)
ภาคผนวก ซี ว่าด้วยการส่งออก (Annex C: Exportation)
ภาคผนวก ดี ว่าด้วยเขตปลอดอากรและคลังสินค้าศุลกากร (Annex D: Customs Warehouse & Free Zone)
ภาคผนวก อี ว่าด้วยการผ่านแดน (Annex E: Transit)
ภาคผนวก เอฟ ว่าด้วยการผ่านกระบวนการ (Annex F: Processing)
ภาคผนวก จี ว่าด้วยการนำเข้าชั่วคราว (Annex G: Temporary Admission)
ภาคผนวก เอช ว่าด้วยการกระทำผิด (Annex H: Offences)
ภาคผนวก เจ ว่าด้วยพิธีการเฉพาะด้าน (Annex J: Special Procedures)
ภาคผนวก เค ว่าด้วยกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิด (Annex K: Origin)
สำหรับแนวปฏิบัติ (Guidelines) หมายถึง คำอธิบายรายละเอียดของมาตรฐาน มาตรฐานช่วงปรับเปลี่ยน วิธีปฏิบัติที่แนะนำที่มีอยู่ในบทบัญญัติของภาคผนวกทั่วไป ภาคผนวกเฉพาะและบทในภาคผนวกเฉพาะ ในอนุสัญญาเกียวโตฉบับแก้ไขจะมีแนวปฏิบัติอยู่ในทุกบทของภาคผนวกทั่วไปและภาคผนวกเฉพาะ อย่างไรก็ตาม แนวปฏิบัติเหล่านี้มิได้เป็นส่วนหนึ่งของอนุสัญญาและไม่มีผลเป็นข้อบังคับทางกฎหมาย
นอกจากคำอธิบายรายละเอียดแล้ว แนวปฏิบัติเหล่านี้ยังให้ตัวอย่างวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดหรือวิธีการนำพิธีการต่างๆ ไปใช้และพัฒนาในอนาคต นอกจากนี้ แนวปฏิบัติเหล่านี้ยังแสดงให้เห็นว่า สิ่งใดที่หน่วยงานศุลกากรสามารถนำมาปฏิบัติให้บรรลุความสำเร็จได้ และมาตรการที่มีมากมายนั้นมีกลไกการทำงานอย่างไร ศุลกากรอาจรับและนำวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดซึ่งเหมาะสมกับบริบทเฉพาะของตนมากที่สุดไปปฏิบัติ แต่หากวิธีปฏิบัตินั้นครอบคลุมการปฏิบัติมากกว่าที่มาตรฐานกำหนดไว้ก็ถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวกที่เพิ่มขึ้น
(2) กลุ่มที่ 2 คือ บทบัญญัติหลัก (Prime Text) ประกอบด้วยกลุ่มของอนุสัญญาที่อำนวยความสะดวกในการนำเข้าชั่วคราวและอนุสัญญาการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางศุลกากร ในที่นี้ จะขอกล่าวถึงเฉพาะอนุสัญญาหลักที่สำคัญของกลุ่มนี้ คือ อนุสัญญาอิสตันบูล (Istanbul Convention) หรือที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Convention on Temporary Admission เป็นอนุสัญญาที่ว่าด้วยการนำเข้าชั่วคราวที่บูรณาการอนุสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าชั่วคราวหลายๆ ฉบับมารวมกันไว้เป็นฉบับเดียว มีวัตถุประสงค์เพื่อ
รวบรวมอนุสัญญาและความตกลงเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกการนำเข้าชั่วคราวที่กระจัดกระจายอยู่ให้มาเป็นอนุสัญญาการนำเข้าชั่วคราวฉบับเดียว
ให้มีกรอบในการดำเนินการกับสินค้าประเภทใหม่ๆ ที่ต้องการอำนวยความสะดวกในการนำเข้าชั่วคราว
ปรับปรุงพิธีการนำเข้าชั่วคราวให้เรียบง่ายและสอดคล้องกัน
ขยายขอบเขตการใช้เอกสาร เอ.ที.เอ. คาร์เนท์
สำหรับโครงสร้างของอนุสัญญาอิสตันบูลนั้น องค์การศุลกากรโลกได้กำหนดโครงสร้างโดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
ส่วนแรก ตัวบทอนุสัญญา (Body of the Convention) ซึ่งมีทั้งหมด 5 ตอน 34 มาตรา ประกอบด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับหลักการนำเข้าชั่วคราวทั้งหมด ดังนี้
คำนิยาม (Definitions)
ขอบเขตของอนุสัญญา (Scope of the Convention)
โครงสร้างของภาคผนวก (Structure of Annex)
เอกสารและการค้ำประกัน (Document and Security)
เอกสารการนำเข้าชั่วคราว (Temporary Admission Papers)
การพิสูจน์ของ (Identification)
ระยะเวลาในการส่งกลับ (Period for Re-exportation)
การโอนการนำเข้าชั่วคราว (Transfer of Temporary Admission)
การสิ้นสุดการนำเข้าชั่วคราว (Termination of Temporary Admission)
การลดขั้นตอนพิธีการ (Reduction of Formalities)
การอนุมัติล่วงหน้า (Prior Notification)
การอำนวยความสะดวกขั้นต่ำที่สุด (Minimum Facilities)
สหภาพศุลกากรหรือสหภาพเศรษฐกิจ (Customs or Economic Unions)
ข้อห้ามและข้อกำกัด (Prohibitions and Restrictions)
การกระทำความผิด (Offences)
การแลกเปลี่ยนข้อมูล (Exchange of Information)
คณะกรรมการบริหาร (Administrative Committee)
การระงับข้อพิพาท (Settlement of Disputes)
การลงนาม การให้สัตยาบัน และภาคยานุวัติ (Signature, Ratification and Accession)
ผู้เก็บรักษา (Depository)
การมีผลบังคับใช้ (Entry into Force)
บทบัญญัติให้ยกเลิก (Rescinding Provision)
อนุสัญญาและภาคผนวก (Convention and Annexes)
การตั้งข้อสงวน (Reservations)
การขยายอาณาเขต (Territorial Expansion)
การประกาศเพิกถอน (Denunciation)
ขั้นตอนการแก้ไข (Amendment Procedure)
การยอมรับการแข้ไข (Acceptance of Amendments)
การลงทะเบียนและต้นฉบับตัวบท (Registration and Authentic Texts)
ส่วนที่สอง คือ ภาคผนวก (Annexes) ซึ่งจะประกอบไปด้วยบทบัญญัติเกี่ยวกับเอกสารการนำเข้าชั่วคราว และประเภทของสิ่งของที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าชั่วคราวรวม 13 ภาคผนวก ดังนี้
ภาคผนวกเอ เกี่ยวกับเอกสารการนำเข้าชั่วคราว (เอ.ที.เอ. คาร์เนท์ และ ซี.พี.ดี. คาร์เนท์) (Annex A Concerning Temporary Admission Papers: ATA Carnets and CPD Carnets)
ภาคผนวกบี 1 เกี่ยวกับของสำหรับนำออกแสดงหรือใช้ในงานนิทรรศการ งานแสดงสินค้า งานประชุม หรือเหตุการณ์อื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน (Annex B.1 Concerning Goods for Display or Use at Exhibitions, Fairs, Meetings or Similar Events)
ภาคผนวกบี 2 เกี่ยวกับเครื่องมือสำหรับใช้ในวิชาชีพ (Annex B.2 Concerning Professional Equipment)
ภาคผนวกบี 3 เกี่ยวกับคอนเทนเนอร์ แพลเลทส์ บรรจุภัณฑ์ ตัวอย่าง และของที่นำเข้าอื่นๆ เพื่อการพาณิชย์ (Annex B.3 Concerning Containers, Pallets, Packing, Samples and Other Goods Imported in Connection with a Commercial Operation)
ภาคผนวกบี 4 เกี่ยวกับของที่นำเข้าเพื่อการผลิต (Annex B.4 Concerning Goods Imported in Connection with a Manufacturing Operation)
ภาคผนวกบี 5 เกี่ยวกับของที่นำเข้าเพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษา วิทยาศาสตร์ หรือวัฒนธรรม (Annex B.5 Concerning Goods Imported for Education, Scientific or Cultural Purposes)
ภาคผนวกบี 6 เกี่ยวกับของใช้ส่วนตัวผู้เดินทางและของที่นำเข้าเพื่อวัตถุประสงค์ด้านกีฬา (Annex B.6 Concerning Travelers Personal Effects and Goods Imported for Sports Purposes)
ภาคผนวกบี 7 เกี่ยวกับวัตถุที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว (Annex B.7 Concerning Tourist Publicity Material)
ภาคผนวกบี 8 เกี่ยวกับของที่นำเข้าตามบริเวณชายแดน (Annex B.8 Concerning Goods Imported as Frontier Traffic)
ภาคผนวกบี 9 เกี่ยวกับของที่นำเข้าเพื่อวัตถุประสงค์ทางมนุษยธรรม (Annex B.9 Concerning Goods Imported for Humanitarian Purposes)
ภาคผนวกซี เกี่ยวกับสิ่งที่ใช้ในการขนส่ง (Annex C Concerning Means of Transport)
ภาคผนวกดี เกี่ยวกับสัตว์ (Annex D Concerning Animals)
ภาคผนวกอี เกี่ยวกับของนำเข้าที่ได้รับการผ่อนปรนภาษีอากรนำเข้าบางส่วน (Annex E Concerning Goods Imported with Partial Relief from Import Duties and Taxes)
(3) กลุ่มที่สาม คือ เครื่องมือสนับสนุน (Supporting Tools and Instruments) ประกอบด้วย คู่มือ (Handbook) แนวปฏิบัติ (Guide/Guideline) ประมวลข้อปฏิบัติ (Compendium) แถลงการณ์ (Declaration) ข้อเสนอแนะ (Recommendation) ฐานข้อมูล (Database) และมาตรฐานต่างๆ (Standards) ที่องค์การศุลกากรโลกพัฒนาขึ้นมาเพื่อสนับสนุน เครื่องมือหลัก (Core Principles)
ประเทศไทย
ได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาขององค์การศุลกากรโลก รวมทั้งสิ้น ๘ ฉบับ ได้แก่
1. Convention
establishing the Customs Cooperation Council (อนุสัญญาจัดตั้งคณะมนตรีความร่วมมือทางศุลกากร)
2. Convention
on Harmonized Commodity Description and Coding System (อนุสัญญาว่าด้วยระบบฮาร์โมไนซ์)
3. Customs
Convention on Temporary Importation of Professional Equipment (อนุสัญญาศุลกากรว่าด้วยการนำข้าชั่วคราวเครื่องมือสำหรับใช้ในวิชาชีพ)
4. Customs
Convention concerning Facilitation for the Importation of Goods for Display or
Use at Exhibitions, Fairs, Meetings or Seminar Events (อนุสัญญาศุลกากรเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกสำหรับการนำของเข้าเพื่อออกแสดงหรือใช้ในนิทรรศการ
งานแสดงสินค้า งานประชุม หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน)
5. Customs
Convention on the ATA Carnet for the Temporary Admission of Goods (ATA Carnet) (อนุสัญญาศุลกากรว่าด้วยเอกสารค้ำประกันการนำเข้าชั่วคราว เอ.ที.เอ
คาร์เนต์)
6. Customs
Convention on the Temporary Importation of Scientific Equipment (อนุสัญญาศุลกากรว่าด้วยการนำบริภัณฑ์ทางวิทยาศาสตร์เข้าชั่วคราว)
7. Convention
on Temporary Admission (Istanbul Convention) (อนุสัญญาว่าด้วยการนำของเข้าชั่วคราว)
8. International
Convention on the Simplification and Harmonization of Customs Procedure (Kyoto
Convention as amended) (อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยพิธีการศุลกากรที่เรียบง่านยและสอดคล้องกัน
(อนุสัญญาระหว่างประเทศเกียวโต ฉบับแก้ไข)
วันที่ปรับปรุงล่าสุด : 11 เมษายน 2567 18:44:36